ทัวร์แดนประวัติศาสตร์

วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เพราะบทกลอนช่วยกล่อมใจ

     ลมที่พัดมาวันนี้มีเพียงความเหงา
ลมที่เคยอยู่กับเราเจ้าห่างหาย
ลมความเหงาเข้ามาเยือนทั่วกาย
เพราะลมหายลมควมรักพัดเธอไป
        เธอเอ๋ยรู้บ้างไหมใจฉันเหงา
ใจฉันเฝ้าคิดคำนึงถึงเสมอ
ต่อให้ลบถาพไปใจยังมีเธอ
ฉันคนเซ่อยับ้าอยู่ไม่รู้คลาย
        จันทร์หนอจันทร์เจ้าเขาอยู่ไหน
จันทร์ช่วยไปบอกข่าวเขาบ้างหนอ
บอกเขาหน่อยบอกเขาว่าฉันยังรอ
บอกฉันขอบอกรักอีกสักครา

อาจไม่เพราะเสนาะหูสักเท่าไร  แต่อาจใช้แทนความรู้สึกในใจใครหลายคนที่กำลังเหงาอยู่ก็ได้นะคะ   ไม่หวงค่ะ  

วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

กลอนซึ้งๆในอารมณ์เหงาๆ

       ฟ้าเงียบฟ้าเฉียบเทียบความเหงา     
ฟ้าเศร้าฟ้าซึมฟ้าพรึมหา
ฟ้าดับลับแล้วไม่แว่วมา                           
ฟ้าหายหน้าหายตาแล้วลาไกล
        ใจยังคอยหวังฟังฟ้าอยู่                            
ใจรู้ใจรักประจักษ์ไหน
ใจอยู่ตรงนี้ไม่มีไกล
ใจอยากบอกไปให้ใครได้ฟัง
       หลายวันที่ใจต้องหายห่าง
หลายวันอ้างว้างเพราะห่างหาย
หลายวันร้องไห้เมื่อไกลกาย
หลายวันเหมือนตายไปทั้งเป็น
      ฉันควรเข้าใจในความรัก
ฉันควรประจักษ์และรู้เห็น
ฉันไม่ควรร้องไห้ให้รำเค็ญ
ฉันควรจะเป็นเช่นกำลังใจ

               คุณเคยตกอยู่ในความรู้สึกแบบนี้ไหม  ความรู้สึกที่ต้องห่างไกล  ความรู้สึกที่ยังคงรอใครสักคนแม้ว่าแทบจะไม่มีหวัง  แต่ใจของใครบางคนกลับยังคงหวัง  หวังว่าสักวันเขาจะกลับมา

วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การศึกษาเรื่องความเหงา

การศึกษาครั้งใหม่ระบุว่า ความเหงา หรือความอ้างว้าง สามารถแพร่เชื้อจากคนๆ หนึ่ง ไปสู่อีกคนหนึ่งได้ เช่นเดียวกับโรคภัยไข้เจ็บ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
คณะนักวิจัยใช้ข้อมูลจากการศึกษา เรื่องโรคหัวใจของโครงการ Framingham Heart Study ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2491 การศึกษาของโครงการ Framingham นี้ ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพกาย และสุขภาพจิต ตลอดจนข้อมูลทางด้านพฤติกรรมส่วนบุคคล และข้อมูลทางด้านโภชนาการจากกลุ่มตัวอย่าง ราวห้าพันคน ข้อมูลต่างๆ ที่ได้มาจากโครงการ Framingham ได้แสดงให้เห็นมาก่อนแล้วว่า ความสุขนั้น สามารถถ่ายทอดจากคนๆ หนึ่ง ไปสู่อีกคนหนึ่งได้ เช่นเดียวกันกับพฤติกรรมอื่นๆ อย่างเช่น การเป็นโรคอ้วน และความสามารถในการเลิกสูบบุหรี่
      
ศาสตราจารย์ John Cacioppo นักจิตวิทยา แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก้ เป็นผู้นำในการศึกษาที่มีขึ้นในครั้งหลังนี้ ศาสตราจารย์ John และนักวิจัยท่านอื่นๆ พยายามศึกษาเพื่อให้ทราบว่า คนเราเกิดความรู้สึกโดดเดี่ยว อ้างว้าง กันบ่อยแค่ไหน นักวิจัยพบว่าความรู้สึกหงอยเหงานี้ สามารถถ่ายทอดไปสู่กลุ่มคนในสังคมได้ และพบว่าการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับคนเหงา อาจทำให้มีโอกาสกลายเป็นคนขี้เหงาตามไปด้วย กล่าวคือ เพื่อนของคนขี้เหงา มีโอกาสเกิดความรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างขึ้น 52% และเพื่อนของเพื่อนคนนั้น ก็มีโอกาสเกิดความรู้สึกนี้ได้ถึง 25% ด้วยเช่นกัน นักวิจัยกล่าวว่า การศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่า มนุษย์เราสามารถรับผลกระทบจากความโดดเดี่ยว อ้างว้างของคนบางคนโดยทางอ้อมได้
แต่ผลกระทบดังกล่าวจะรุนแรงที่สุดในหมู่เพื่อนฝูง ส่วนเพื่อนบ้าน จัดเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบในเรื่องนี้เป็นอันดับที่ 2 อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของความเหงา มีอยู่บางเบากว่าในหมู่สามี ภรรยา และพี่น้องทั้งหญิงและชาย และนักวิจัยยังพบว่า ความเหงาถ่ายทอดในหมู่ผู้หญิง ง่ายกว่าในหมู่ผู้ชายอีกด้วย
หนังสือพิมพ์ New York Times รายงานว่า โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้คนจะรู้สึกหงอยเหงากันประมาณปีละ 48 วัน และการวิจัยนี้ได้พบว่า การมีเพื่อนที่เป็นคนขี้เหงา อาจทำให้เรารู้สึกหงอยเหงาเพิ่มขึ้นไปอีกถึง 17 วัน ในรายงานยังระบุอีกว่า เพื่อนแต่ละคน (ที่ไม่ใช่คนขี้เหงา) สามารถช่วยลดความหงอยเหงาของเราลงได้ราว 5% หรือเท่ากับช่วยลดวันเหงาๆ ลงไปได้ถึง 2 วันครึ่งต่อปีเลยทีเดียว
การศึกษาระบุด้วยว่า ความโดดเดี่ยวอ้างว้าง ยังเชื่อมโยงไปสู่ปัญหาด้านสุขภาพต่างๆ อย่างเช่น ทำให้มีอาการสลดหดหู่ และนอนหลับยาก นักวิจัยเชื่อว่า ถ้าเราทราบสาเหตุของความหงอยเหงา ก็อาจจะช่วยลดปัญหานี้ได้
นักวิจัยไม่ได้ศึกษาว่าความเหงาแพร่เชื้อได้อย่างไร แต่ศาสตราจารย์ John Cacioppo กล่าวว่า การศึกษาที่มีอยู่ชี้ให้เห็นว่า คนขี้เหงามักจะไม่ไว้วางใจคนอื่นๆ และพฤติกรรมนี้ ก็ถ่ายทอดจากคนๆ หนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งได้ด้วย
การศึกษานี้แนะว่า เราสามารถหยุดการแพร่เชื้อของความเหงาได้ โดยการให้ความช่วยเหลือบรรดาคนขี้เหงา ที่เรารู้จัก และผลลัพธ์นี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนในสังคม การศึกษาเรื่องนี้ตีพิมพ์อยู่ในวารสาร Personality and Social Psychology ฉบับประจำเดือนธันวาคม

จาก  www.wearehappy.in.th/happy-society/study-2/

ความเหงา คืออะไร?

      ในความรู้สึกของคนแต่ละคนก็คงจะให้ความหมายของคำว่า "เหงา" แตกต่างกันออกไป เหงาในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 มีความหมายว่า "เปลี่ยวใจ เปล่าเปลี่ยว ไม่คึกคัก"
      คนหลายๆคนหรืออาจจะทุกคน ที่ไม่ต้องการให้ตัวเองอยู่กับความเหงา แต่ความเป็นจริง ความเหงาก็คือตัวเรานี่เอง เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะพบเจอกับความเหงาได้ เพราะเมื่อไรที่เราพยายามหลีกเลี่ยง เมื่อนั้นเราก็จะยิ่งเจอ
     ความเหงาสามารถมาหาเราได้ตลอดเวลา เห็นมั๊ยว่าดีกว่าแฟนเราเสียอีก อ้อนวอนให้มาหาแทบตายก็ยังไม่ค่อยอยากจะมา สังเกตง่ายๆ จากการที่เราโทรไปหาแฟนแล้วชวนแฟนไปทานข้าว ดูหนัง แต่ถูกแฟนปฏิเสธ พอวางหูโทรศัพท์ปุ๊บ ความเหงาก็มาหาปั๊บเลย ทั้งๆที่ไม่อยากให้มันมาเลยแต่มันก็มาทุกที


         สาเหตุของความเหงา

สาเหตุที่ 1 เหงาเพราะต้องอยู่คนเดียวในวันที่เราไม่ค่อยอยากจะอยู่สักเท่าไหร่ คนเรานี่ก็แปลก วันไหนต้องอยู่คนเดียวก็เหงา อยู่ไม่ได้ วันไหนมีคนรายล้อมมากมาย ก็กลับเบื่อวุ่นวาย อยากอยู่คนเดียว หาความพอดียากจริงๆมนุษย์

สาเหตุที่ 2 เหงาเพราะคิดถึงเค้าคนนั้นเหลือเกิน แม้เพื่อนมากมายก็ไม่มีความหมาย ต่อให้กำลังทำกิจกรรมสุดโปรด แต่ถ้าต้องมานั่งคิดถึงเค้าคนนั้นอยู่ กิจกรรมอะไรก็หมดความหมายไปได้ในทันที

สาเหตุที่ 3 เหงาเพราะบรรยากาศพาไป เช่น เหงาเพราะพระอาทิตย์กำลังลับฟ้า เลยทำให้คิดถึงเค้าเหลือเกิน หรือเหงาเพราะคนที่อยู่ข้างๆนั่งซึมกันหมด เราจะไม่ซึมด้วยก็คงไม่ได้แล้ว

และอีกหลายๆสาเหตุที่แต่ละคน พยายามสรรหาเพื่อที่จะเหงา
      คนเรามักจะมองความเหงาเป็นศัตรู และไม่เคยอยากอยู่กับความเหงา แต่ทำไมทุกครั้งที่ไม่มีใคร หรือแม้แต่ไม่มีเรื่องอะไร ก็กลับอยากร้องไห้ และคิดว่าตัวเองเหงาเสียเหลือเกิน


        เพื่อนฉันคนหนึ่งแฟนก็มี ได้คุยโทรศัพท์กันทุกวัน ได้เจอกันทุกสัปดาห์ ในวันที่ว่างยังจะมาบ่นว่าเหงาให้เราฟัง อยากจะตอกกลับเหมือนกันว่า "ฉันอยู่คนเดียว แฟนก็ไม่มี คนจะมาหาก็ไม่มี คนที่จะให้เราไปหาก็ไม่มี ยังไม่บ่นเลย เธอมีทุกอย่างแล้วยังจะมาบ่นอีก แค่ทะเลาะกันนิดหน่อยดีกว่าฉันที่ไม่มีใครให้ทะเลาะด้วย" อยากเปลี่ยนกันมั๊ย "สงสัยต้องขอยืมเพลง ของจอห์น นูโว มาเปิดให้มันฟัง"

ในเมื่อเรารู้สาเหตุของความเหงาแล้ว เราลองมาเปลี่ยนความรู้สึก ที่มีต่อความเหงากันดีกว่า

             เหงาเพราะต้องอยู่คนเดียว ก็ดีเหมือนกันนะจะได้อยู่กับตัวเอง มีเวลาคุยกับตัวเอง และทบทวนสิ่งที่ตัวเองทำ ทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาว่าเราทำถูกหรือไม่ถูกอย่างไร และทำผิดกับใคร หรือเคยละเลยใครบ้างมั๊ย อาจทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น หลังจากที่เรามัวเอาเวลาไปรู้จักแต่คนอื่น หรืออาจทำให้เราได้สร้างมิตรภาพที่บางครั้งเราอาจละเลยและลืมไปกับคนที่เราคิดว่าเขายังไม่สำคัญกับเ ราในเวลาที่เรามีคนข้างกาย แต่ใครจะรู้ล่ะว่าเวลาเราต้องอยู่คนเดียว เขาอาจเป็นคนที่เราโทรฯไปคุยด้วยแล้วสบายใจก็ได้

เห็นมั๊ยคะว่าความเหงา ก็ไม่ได้มีแต่แง่ลบอย่างเดียว ทุกอย่างก็มักจะมีหลากหลายแง่มุม เพียงแต่ว่าเราพร้อมและมีสติที่จะมองในอีกแง่มุมของมันหรือเปล่า ก็เท่านั้นเอง

          ส่วนในวันเหงาของฉัน สิ่งที่ฉันชอบทำในวันเหงามากที่สุดก็คงจะเป็น นั่งฟังเพลงที่อยากฟัง บางครั้งก็นึกครึกขุดเพลงเก่าๆที่รู้สึกความหมายตรงกับเราในช่วงนี้จัง มานั่งฟัง อ่านหนังสือเล่มโปรด ชอบอ่านหนังสือประเภท นวนิยายแปล หรือไม่ก็พวกหนังสือให้แง่คิด ให้มุมมองใหม่ๆ เช่น Harry Potter อาร์ทิมิส ฟลาว์ เอดส์ไดอารี่ หลังไมค์มีไออุ่น ต้นส้มแสนรัก ฯลฯ ที่ชอบอ่านหนังสือแบบนี้ก็คงเป็นเพราะเป็นคนชอบจินตนาการ และอีกแง่มุมหนึ่งก็เป็นคนชอบที่จะอยู่กับความเป็นจริงมากกว่าความฝัน

                และอีกอย่างหนึ่งที่ชอบทำในวันที่ต้องอยู่คนเดียว ก็คือ ไปเดินเล่นในที่ๆอยากไป และชวนใครก็ไม่มีใครยอมไปด้วย หรือไม่ก็นั่งทานข้าวในร้านที่เราเคยอยากไปแต่ไม่มีโอกาสได้ไปสักที ไปนั่งมองดูคู่รักที่เค้ามากันเป็นคู่ๆ หรือพวกที่อยู่กับเพื่อนหลายๆคน พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน มองแล้วก็มานั่งคิดถึงตัวเองตอนเราอยู่กับแฟน เราทำตัวแบบนี้มั๊ยหนอ หรือตอนเราอยู่กับเพื่อนเราฮาหลุดโลกเกินไปหรือเปล่า คำตอบก็คือ เราเป็นแบบนี้เหมือนกันหรืออาจจะยิ่งกว่าด้วยซ้ำ อยู่กับแฟนก็หวานซะไม่เกรงใจใคร อยู่กับเพื่อนก็คุยกันเสียงดังยังกะอยู่กันคนละทวีป คงจะสร้างความรำคาญให้กับคนอื่นไม่น้อย

ขอบคุณความเหงาที่ทำให้เราได้เห็นตัวเองจากเงาของคนอื่น

                 บางครั้งการนั่งรถคนเดียว ก็ทำให้เราเพลินจนหายเหงาไปได้เหมือนกัน เคยสังเกตตัวเองหลายครั้งว่าทุกครั้งที่ความรู้สึกสับสนวุ่นวายเกิดขึ้นในใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ พูดคุยกับใครไม่ได้ ยังไม่สามารถเล่าความรู้สึกในตอนนี้ให้ใครฟังได้ อาจจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ แต่พอได้นั่งรถกลับบ้าน ได้มองไปนอกหน้าต่าง เห็นผู้คนที่เดินตามท้องถนน เห็นผู้คนที่อยู่ในรถไม่ว่าจะเป็นรถส่วนตัว รถเมล์ หรือแท็กซี่ ก็ทำให้เพลินได้เหมือนกัน

           ทั้งๆที่คนพวกนั้นไม่ได้รู้จักกับเราเลย แต่ ณ เวลานี้เค้าทำให้จิตใจเราสงบได้เหมือนกัน มองคนขายของอยู่ข้างทาง เค้าคงอยากกลับบ้านแต่ก็กลับไม่ได้ เรายังดีกว่าเค้าตั้งเยอะ อยากกลับบ้านเมื่อไหร่ก็กลับได้ ไม่มีภาระหน้าที่อะไรให้แบกรับมากมาย บางครั้งก็เห็นคู่รักจู๋จี๋กันอยู่ในรถส่วนตัว เห็นแล้วก็อิจฉา แล้วเค้าเห็นเราจะอิจฉาเรามั๊ยน๊า......ที่ต้องนั่งอยู่คนเดียวแบบนี้

               ความเหงาอาจทำให้เราโดดเดี่ยว และมีความรู้สึกไม่มีความสุข เหมือนไม่มีใครในโลกที่ต้องการเราเลย แต่ลองมองอีกด้านของมันดูสิคะ ว่าจริงๆแล้วเราโดดเดี่ยวจริงหรือเปล่า เรากำลังมองข้ามคนที่จะอยู่ข้างเราเสมอหรือเปล่า

                     คนที่เรากำลังมองหาเขาอยู่ เขาอาจไม่ต้องการเรา
แต่คนที่เรากำลังมองข้าม เขาอาจกำลังเป็นห่วงเราแทบขาดใจ......


ความเหงาเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นคนโสด คนมีครอบครัว วัยรุ่น หญิงหม้าย หญิงตั้งครรภ์ พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย หรือแม้กระทั้งหมาและแมว ความเหงาเป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นภายในใจและสามารถเกิดได้ทุกที่ ทุกเวลา เป็นอารมณ์ที่ไม่พึงประสงค์ คนส่วนใหญ่เกิดความเหงาเพราะขาดคนใส่ใจดูแลนั่นเอง และเราจะได้ทราบว่าความเหงาเกิดขึ้นจากอะไรและมีวิธีใดที่ช่วยขจัดความเหงาได้บ้าง ไปกันเลยค่ะสาเหตุของความเหงา ความเหงาที่ว่านี้มีอยู่ 3 สาเหตุดังนี้ครับ

         1.      เหงาเพราะอยู่คนเดียว            คนขึ้เหงาประเภทนี้ชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว หรือไม่ก็ไม่มีครอบครัวอยู่ด้วย เพราะสังคมปัจจุบันต่างคนต่างเร่งรีบทำงานหาเงิน และต้องแข่งขันกับเวลาจนอาจจะลืมบางคนที่เรารักไป สาวทำงานหลายคนเป็นเช่นนี้พอหลังเลิกงานต้องกลับมากินข้าวคนเดียวในห้อง มองไปทางไหนก็เปล่าเปลี่ยวเพราะไม่มีคนพูดคุยด้วย หรือสาวที่อาศัยอยู่กับพ่อแม่แต่เก็บเนื้อเก็บตัวไม่สุงสิงกับใคร นั่นแหละที่ทำให้เกิดความเหงา
        2.      เหงาเพราะเสียสังคมเพื่อนฝูง      คุณเคยมีคำถามนี้เกิดขึ้นในสมองบ้างไหม เพื่อนฉันไปไหน... คนที่ฉันรู้จักไปไหนกันหมด... นี่เป็นความเหงาที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงที่อยู่และที่ทำงาน หรือที่เรียน อันเป็นเหตุให้คุณขาดการติดต่อจากสังคมเพื่อนฝูงเก่าๆ ที่รู้ใจกันมานาน และคุณเองยังปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่ๆ ไม่ได้ ความเหงาจึงบังเกิดขึ้น
          3.      เหงาเพราะขาดความรัก      หลายคนเหงาเพราะสาเหตุนี้กันเยอะ เนื่องจากว่าการที่เรามีคนรักนั้นทำให้เราหายเหงาได้มากเพราะมีคนคุยด้วย มีเพื่อน แต่ถ้าวันหนึ่งไม่มีเขาแน่นอนคุณต้องเหงาอยู่แล้ว ลองคิดถึงคุณตาคุณยายอายุสัก 70 ที่ต้องอยู่บ้านพักคนชราท่านจะเหงาสักแค่ไหน แต่ถ้าลูกหลานมาเยี่ยมท่านก็จะยิ้มหน้าบาน นั่นเป็นเพราะท่านต้องการแค่ความรักและความเอาใจใส่เท่านั้น
      นี่เป็น 3 สาเหตุของความเหงาที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน แล้วคุณล่ะ ตอนนี้มีอาการเหงาบ้างรึเปล่า

ยินดีต้อนรับสู่บล็อกของคนขี้เหงา

สวัสดีค่ะ  ยินดีต้อนรับทุกคนสู่บล็อกนี้นะคะ